การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑) เพื่อศึกษาการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้หลัก สุ จิ ปุ ลิ วิชาเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนวัดพนัญเชิง (ไตรรัตนนายก) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ๒) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การพัฒนากิจกรรมการเรียนโดยประยุกต์หลัก สุ จิ ปุ ลิ วิชาเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนวัดพนัญเชิง (ไตรรัตนนายก) จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก่อนเรียน และหลังเรียน ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเชิงทดลอง ซึ่งศึกษากับประชากรที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนวัดพนัญเชิง (ไตรรัตนนายก) จำนวน ๒๗ คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ ๑) แผนการจัดการเรียนรู้โดยการประยุกต์ใช้หลัก สุ จิ ปุ ลิ วิชาเศรษฐศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนวัดพนัญเชิง (ไตรรัตนนายก) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๑ แผน ๔ ชั่วโมง และ ๒) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน แบบปรนัยเลือกตอบ ก ข ค ง แบบ ๔ ตัวเลือกจำนวน ๑๕ ข้อ และหลังเรียน แบบปรนัยเลือกตอบ ก ข ค ง แบบ ๔ ตัวเลือกจำนวน ๑๕ ข้อ และแบบอัตนัย ๔ ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ยจากสูตรการหาค่า IOC เทียบกับเกณฑ์ที่ระดับความสอดคล้องตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไปถือว่าเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีความสอดคล้อง
ผลการศึกษา พบว่า
๑. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้หลัก สุ จิ ปุ ลิ วิชาเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนวัดพนัญเชิง (ไตรรัตนนายก) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า ผลการทดลองทั้งก่อนและหลังมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ผลหลังจากการทดลอง นักเรียนมีสมาธิในการฟังมากขึ้น หลังจากเล่านิทานเสร็จ จึงได้แจกแบบสอบถามหลังการเรียนให้ทำอีกครั้งหนึ่ง ผลสรุปได้ว่านักเรียนทุกกลุ่ม สามารถทำแบบสอบถามได้ทุกคน คะแนนเฉลี่ย ๑๐ – ๑๕ คะแนน ในคะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน ส่งผลให้การทดลองทุกด้าน เกิดประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
๒. ผลสัมฤทธิ์การพัฒนากิจกรรมการเรียนโดยประยุกต์หลัก สุ จิ ปุ ลิ วิชาเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนวัดพนัญเชิง (ไตรรัตนนายก) จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก่อนเรียน และหลังเรียน พบว่า นักเรียนกลุ่ม สุ การฟัง สามารถทำคะแนนหลังจากการเรียนรู้แล้ว เฉลี่ยได้เกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานสูงที่สุด คือ ๘๕.๕๓% รองลงมาคือ นักเรียนกลุ่ม ลิ การเขียน สามารถทำคะแนนเฉลี่ยที่ ๘๒.๒๐% อันดับที่ ๓ คือ นักเรียนกลุ่ม ปุ การถาม สามารถทำคะแนนเฉลี่ยที่ ๗๗.๗๓% อันดับที่ ๔ คือ นักเรียนกลุ่ม จิ การคิด สามารถทำคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ ๗๓.๓๓% ซึ่งนักเรียนกลุ่ม ปุ การถาม และกลุ่ม จิ การคิด ทำคะแนนได้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ผู้วิจัยตั้งไว้ทั้งสองกลุ่ม
ข้อเสนอแนะโรงเรียนควรตระหนักถึงการทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับกิจกรรมหลัก สุ จิ ปุ ลิ ทั้ง ๔ ด้านเป็นสำคัญ ควรเพิ่มแบบเรียนที่มีความหลากหลาย มีนิทานธรรมให้นักเรียนได้ฝึกฝนการฟัง คิด ถาม เขียนที่มากขึ้น มีการเรียนการสอนที่เป็น Child Center โดยเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออกยิ่งขึ้น
Download |