การวิจัยนี้  มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทการส่งเสริมพระพุทธศาสนาของข้าราชการกองพลทหารราบที่ ๔ และเพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาของข้าราชการกองพลทหารราบที่ ๔ กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ ข้าราชการกองพลทหารราบที่ ๔ ที่ปฏิบัติงานภายในค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีหลักฐานตามทะเบียนบ้าน ระบุว่านับถือศาสนาพุทธ จำนวน ๑๖๙ คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้โดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage)  ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  (Standard Deviation S.D.)  ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่า (t-test) สำหรับตำแปรที่มี ๒ ค่า และทดสอบค่าเอฟ (F-test) หรือความแปรปรวนทางเดียว (One Way Anova) สำหรับตัวแปรที่มี ๓ ค่าขึ้นไป เมื่อพบว่ามีความแตกต่างก็จะทำการเปรียบเทียบความแตกต่างหลายคู่  โดยวิธีหาผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least  Singnificant Difference : LSD)

             ผลการวิจัยพบว่า สถานภาพผู้ตอบแบบสอบถามโดย ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชายทั้งหมดไม่มีเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ อายุ ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อายุระหว่าง ๓๑–๔๐ ปี คิดเป็นร้อยละ ๓๒.๐๐ ยศทางราชการ ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยศ สิบตรี - สิบเอก คิดเป็นร้อยละ ๔๓.๒๐ วุฒิการศึกษา ส่วนใหญ่การศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๑๐ สถานที่พักอาศัยปัจจุบัน ส่วนใหญ่พักอาศัยบ้านพักของทางราชการ คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๓๐  

             การเข้าร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของข้าราชการกองพลทหารราบที่ ๔ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ  ๒.๙๘  เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า ข้าราชการกองพลทหารราบที่ ๔ เข้าร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา มากที่สุด  คือ  เวียนเทียนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันวิสาขบูชา  มาฆบูชา อาสาฬหบูชา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๘๕ และเข้าร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา น้อยที่สุด คือ รักษาศีล ๘ ในวันพระ ค่าเฉลี่ยเท่ากับ  ๒.๒๕