หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พรรณนา จาตุรพาณิชย์
 
เข้าชม : ๒๐๐๐๗ ครั้ง
สื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคลและสัมฤทธิผลของสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พระพุทธศาสนา)
ชื่อผู้วิจัย : พรรณนา จาตุรพาณิชย์ ข้อมูลวันที่ : ๐๙/๐๖/๒๐๑๔
ปริญญา : พุทธศาสตรดุษฎีบัญฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระครูพิพิธสุตาทร, ดร. ป.ธ.๓, นธ.เอก, พธ.บ. (ศาสนา), M.A. (Buddhist Studies), M.Phil. (Buddhist Studies), Ph.D. (Buddhist Studies)
  ดร. ไพฑูรย์ รื่นสัตย์ ป.ธ. ๗ ,ศน.บ. (อังกฤษ), ศน.ม.(พุทธศาสน์ศึกษา) M.Phil. (Buddhist Studies), Ph.D. (Buddhist Studies)
  ดร. พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์ ป.ธ.๙ , พธ.บ. เกียรตินิยม ๑ (ปรัชญา), M.A. (Philosophy), Ph.D. (Philosophy)
วันสำเร็จการศึกษา : 2557
 
บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาสื่อการสอนธรรมและสัมฤทธิผลที่เกิด จากการใช้สื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคลในพระพุทธศาสนา ๒) ศึกษาสัมฤทธิผล และเจตคติในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนกาวิละวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่  ที่เรียนจากสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน) ในรายวิชา ส๒๓๑๐๓ พระพุทธศาสนา ๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา และ ๓) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างนักเรียนที่เรียนจากสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน)  กับนักเรียนที่เรียนด้วยวิธีสอนแบบปกติในรายวิชา ส๒๓๑๐๓ พระพุทธศาสนา ๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา

             กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม  ได้แก่ (๑) กลุ่มทดลอง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ จำนวน ๓๐ คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) โดยการจับสลาก และใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เนื่องจากโรงเรียนกาวิละวิทยาลัย ใช้ระบบการจัดห้องเรียนแบบคละชั้นเรียน ที่นักเรียนแต่ละห้องมีลักษณะของนักเรียนคล้ายกัน (๒) กลุ่มควบคุม เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ จำนวน ๓๐ คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) โดยการจับสลาก และใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยของกลุ่มทดลอง ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน) แบบทดสอบก่อนและหลังการเรียน และแบบวัดเจตคติหลังเรียน  ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยของกลุ่มควบคุม ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนและหลังการเรียน และแบบวัดเจตคติหลังเรียน

 

                 การวิจัยปรากฏผลดังนี้

                 ๑. สื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคลและสัมฤทธิผลของสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคลในพระพุทธศาสนา พบว่าสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคลในพระพุทธศาสนามี ๔ ประเภท ได้แก่ สื่อบุคคล สื่อเทคนิควิธีการ สื่อสิ่งพิมพ์-วัสดุอุปกรณ์ และสื่อโสตทัศนูปกรณ์ ซึ่งทรงใช้ประกอบการสอนโดยพิจารณาตามความเหมาะสมกับบุคคล สถานการณ์ สถานที่ และเวลา ส่วนสัมฤทธิผลของสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคลในพระพุทธศาสนา พบว่าผู้ที่รับฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ได้รับผลสำเร็จแตกต่างกันไป ตามแต่จริต ความรู้ความสามารถของแต่ละบุคคล  โดยผลสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นมีตั้งแต่ผลเบื้องต้นคือ ความเข้าใจในธรรมะของพระพุทธองค์ และหันมาเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า จนถึงการบรรลุธรรมขั้นสูงสุด คือการบรรลุอรหันต์

                 ๒. สัมฤทธิผล และเจตคติในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนกาวิละวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่  ที่เรียนจากสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน) พบว่า

                     ๑) สัมฤทธิผลด้านความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนกลุ่มทดลอง พบว่า นักเรียน มีความก้าวหน้าทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ ๓๖.๒๕ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ สูงกว่าเกณฑ์ความก้าวหน้าทางการเรียนที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ ๒๕ ขึ้นไป

                     ๒) สัมฤทธิผลตามเกณฑ์มาตรฐานของโรงเรียน พบว่ามีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ ๖๐ หรือ มีระดับคุณภาพในระดับดี ขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของโรงเรียนที่กำหนดให้นักเรียนร้อยละ ๖๕ มีคะแนนร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป หรือมีระดับคุณภาพในระดับดีขึ้นไป

                     ๓) สัมฤทธิผลของนักเรียนกลุ่มทดลอง โดยการทดสอบที (t-test) พบว่านักเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๐๑

                     ๔) สัมฤทธิผลด้านเจตคติของนักเรียน พบว่านักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน) ในระดับมากที่สุด (  มีค่าเท่ากับ ๔.๗๕)

                 ๓. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนจากสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน)  กับนักเรียนที่เรียนด้วยวิธีสอนแบบปกติในรายวิชา ส๒๓๑๐๓ พระพุทธศาสนา ๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา

                     ๑) ผลการเปรียบเทียบสัมฤทธิผลด้านความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียน พบว่าร้อยละของความก้าวหน้าทางการเรียน ของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม ร้อยละ ๑.๔๓ แสดงว่าสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ช่วยให้สัมฤทธิผลด้านความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนกลุ่มทดลอง สูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุม

                     ๒) ผลการเปรียบเทียบสัมฤทธิผลตามเกณฑ์มาตรฐานของโรงเรียน พบว่านักเรียนกลุ่มทดลองมีร้อยละของผลสัมฤทธิ์ตามเกณฑ์มาตรฐานการเรียนรู้ของโรงเรียนในระดับดีมากสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุม คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๙๖ แสดงว่าสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ช่วยให้สัมฤทธิผลตามเกณฑ์มาตรฐานการเรียนรู้ของโรงเรียนของนักเรียนกลุ่มทดลอง สูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุม

                     ๓) ผลการเปรียบเทียบสัมฤทธิผลโดยการทดสอบที (t-test) พบว่านักเรียนที่เรียนจากสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน) กับ นักเรียนที่เรียนด้วยวิธีสอนแบบปกติ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๐๑

                     ๔) ผลการเปรียบเทียบสัมฤทธิผลด้านเจตคติของนักเรียน พบว่านักเรียนที่เรียนจากสื่อการสอนธรรมแบบรายบุคคล (บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน) กับ นักเรียนที่เรียนด้วยวิธีสอนแบบปกติ มีเจตคติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๐๑

 

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕