บทคัดย่อ

                        การศึกษาวิจัยเรื่อง “ศึกษาวิเคราะห์การบริหารกิจการคณะสงฆ์ในเขตอำเภอกระสัง  จังหวัดบุรีรัมย์”  มีวัตถุปะสงค์การวิจัย ๓ ข้อ คือ (๑) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคณะสงฆ์ในเขตอำเภอกระสัง  จังหวัดบุรีรัมย์   (๒)เพื่อศึกษาประสิทธิผล ของการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะสงฆ์ในอำเภอกระสัง  จังหวัดบุรีรัมย์  (๓) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ในเขตอำเภอกระสัง   จังหวัดบุรีรัมย์   และเสนอแนะแนวทางแก้ไข   การศึกษาวิจัยครั้งนี้  เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative  Research) ซึ่งใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลและการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์ ตำรา เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า

                        ๑.    ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคณะสงฆ์ในเขตอำเภอกระสัง  จังหวัดบุรีรัมย์ มีเจ้าคณะอำเภอ  ๓  รูป  ดังนี้  ๑.พระครูประสานสังฆกิจ  ๒.พระครูสังวราภิรักษ์  ๓.พระครูวิสุทธินันทสาร  มีวัดทั้งหมด ๗๐ วัด ๑๐ ตำบล  ภายในอำเภอกระสัง  จังหวัดบุรีรัมย์  ระบบการปกครองตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์(ฉบับที่ ๒)  พ.ศ. ๒๕๓๕  มาตรา  ๑๕  ตรี และกฎมหาเถรสมคม  และสอดคล้องตามหลักพระธรรมวินัย

                        ๒.   ศึกษาประสิทธิผล ของการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะสงฆ์ในอำเภอกระสัง  จังหวัดบุรีรัมย์  ๑.ด้านปกครองมีการปกครองอย่าเป็นระบบ  มีกฎ ระเบียบ กติกาซึ่งสอดคล้องตามหลักพระธรรมวินัย  ๒.ด้านศาสนศึกษา  ส่งเสริมสนับสนุนให้พระภิกษุ สามเณรให้ได้รับการศึกษา และพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา  ๓.ด้านการศึกษาสงเคราะห์  จัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาของเด็ก เยาวชน พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมในเด็กตั้งแต่ระดับปฐมวัยโดยการจัดตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กก่อนเกณฑ์ขึ้นในวัด จัดตั้งศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และพัฒนาพุทธศาสนิกให้เป็นศาสนิกชนที่ดี  ๔.ด้านเผยแผ่  มีการเผยแผ่ในเชิงรุกในระดับหนึ่ง มีพระสงฆ์เป็นแกนนำในการส่งเสริม พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้เยาวชน ประชาชนทั่วไป  ๕.ด้านสาธารณูปการพัฒนาการก่อสร้างถาวรวัตถุ ปฏิสังขรณ์สร้างวัดให้เป็นสถานที่รมณีย  ๖.ด้านสาธารณสงเคราะห์อำนวยความสะดวก ในการบริหารแก่ประชาชนที่มาใช้ประโยชน์จากวัด อีกทั้งให้ความร่วมมือกับภาคเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์งานของรัฐ

                        ๓.   ศึกษาปัญหาอุปสรรคในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในเขตอำเภอกระสัง    และเสนอแนะแนวทางแก้ไข ๑.ด้านการปกครองการประพฤติย่อหย่อนต่อหลักพระธรรมวินัยของพระภิกษุสามเณร เจ้าอาวาสขาดความเป็นผู้นำ และทำตามอำเภอใจ  ๒.ด้านการศึกษาการเรียนการสอนในแผนกบาลีมีไมเพียงพอ   ครูผู้สอนไม่เพียงพอ  ๓. ด้านศาสนศึกษาสงเคราะห์  การจัดการยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน อีกทั้งคณะสงฆ์ยังขาดทักษะในการบริหารจัดการ  ๔.ด้านเผยแผ่มี ๓ ปัจจัย  ปัจจัยทางคณะสงฆ์ขาดความรู้ความสามารถในการแสดงธรรม ความไม่สามารถนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการเผยแผ่ธรรมะ ด้านประชานชนให้ความสำคัญการฟังธรรมไม่เท่าที่ควร ฟังเพียงปฏิบัติตามประเพณี  ด้านภาครัฐขาดการสนับสนุนส่งเสริมจากภาครัฐ  ๕.ด้านสาธารณูปการ ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐโดยสิ้นเชิง  ๖.ด้านสาธาณสงเคราะห์ทางคณะสงฆ์และเจ้าอาวาสขาดความพร้อมต่อการดำเนินการ

                        ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข  ๑.ด้านการปกครองสร้างแรงจูงใจให้กับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ผู้นำต้องลดอคติ ๔ ใช้กลอุบายที่หลากหลายในการปกครอง  ๒.ด้านศาสนศึกษาจัดกระบวนการสร้างความเข้าใจกับพระสงฆ์ที่เป็นผู้นำให้เห็นประโยชน์ทางการศึกษา จัดตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษา สงเคราะห์นักเรียนที่เรียนดี  สรรหาครูที่มีคุณภาพมาทำการสอน  ๓.ด้านศาสนศึกษาสงเคราะห์  ให้การสนับสนุนให้พระสงฆ์ได้อบรมแก่เยาวชนตั้งแต่วัยเยาว์  จัดสรรงบประมาณเพื่อให้โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์สามารถดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาพระบาลีของพระภิกษุสามเณรการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดการศึกษาที่ดีได้  ๔.ด้านเผยแผ่  ส่งเสริมความรู้ความสามารถให้กับพระภิกษุสามเณรทั้งคดีโลกและคดีธรรม บริหารจัดการการเผยแผ่เชิงรุกให้เป็นรูปธรรม  ๕.ด้านสาธารณูปการ  ภาครัฐต้องมีนโยบายในการสนับสนุนการสาธารณูปการที่ชัดเจนและต่อเนื่อง  ๖.ด้านสาธารณสงเคราะห์  สร้างศักยภาพความรู้ความสามารถทัศนะคติที่ดีให้กับพระสงฆ์ที่เป็นผู้นำ

ดาวน์โหลด