การศึกษาวิจัยเรื่อง “ผลการสำรวจพฤติกรรมการดำรงชีวิตตามหลักธรรมวัฒนมุข ๖ ของนักเรียนมัธยมศึกษา” เป็นการวิจัยเชิงกึ่งทดลอง(Quasi-Experimental Research) มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาสำรวจพฤติกรรมการดำรงชีวิตตามหลักธรรมวัฒนมุข ๖ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เขตอำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิที่เข้าร่วมพิธีกรรมและไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมการดำรงชีวิตตามหลักธรรมวัฒนมุข ๖ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เขตอำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิที่เข้าร่วมพิธีกรรมและไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา จำนวน ๔๐๐ คน โดยได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มเข้าร่วมพิธีกรรม จำนวน ๒๐๐ คน และกลุ่มไม่เข้าร่วมพิธีกรรม จำนวน ๒๐๐ คน และใช้วิธีเปรียบเทียบก่อนกับหลังการทดลองโดยการใช้สถิติทดสอบ t – test
ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ในเขตพื้นที่ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ในกลุ่มที่เข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุต่ำกว่า ๑๔ ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาได้เกรดเฉลี่ยสูงกว่า ๒.๙๕ บิดาและมารดประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพอิสระบิดามารดามีรายได้น้อยกว่า ๘,๐๘๘.๗๓ บาทต่อเดือน
ส่วนกลุ่มไม่เข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุสูงกว่า ๑๔ ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้เกรดเฉลี่ยสูงกว่า ๒.๙๕ บิดา มารดาประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพอิสระ บิดามารดามีรายได้น้อยกว่า ๘,๐๘๘.๗๓ บาทต่อเดือน
ผลดำรงชีวิตตามหลักธรรมวัฒนมุข ๖ ในกลุ่มเข้าร่วมพิธีกรรม พบว่า โดยภาพ รวม อยู่ในระดับ “มาก” และรายด้านทั้ง ๖ อยู่ในระดับ “มาก” ส่วนกลุ่มที่ไม่เข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา โดยภาพรวมอยู่ในระดับ “ปานกลาง” ด้านความไม่มีโรค, ความมีสุขภาพดี(อาโรคยะ) สุขภาพจิต อยู่ในระดับ “ปานกลาง” ด้านความประพฤติดี มีวินัยไม่ก่อเวรกัน ได้ฝึกในมรรยาทอันงาม (ศีล) อยู่ในระดับ “ปานกลาง” ด้านศึกษาแนวทางการดูแบบอย่างเข้าถึงความคิดของพุทธศาสนิกชนผู้เป็นบัณฑิต (พุทธานุมัต) อยู่ในระดับ “มาก” ด้านดำเนินชีวิตและกิจการงานโดยทางชอบธรรม (ธรรมานุวัติ) อยู่ในระดับ “มาก” ด้านใฝ่เล่าเรียนหาความรู้ ฝึกตนให้เชี่ยวชาญและทันต่อเหตุการณ์ (สุตะ) อยู่ในระดับ “มาก” ด้านเพียรพยายามไม่ระย่อ, มีกำลังใจแข็งกล้าไม่ท้อถอยเฉื่อยชา เพียรก้าวหน้าเรื่อยไป (อลีนตา)อยู่ในระดับ “ปานกลาง” และด้านความไม่มีโรค, ความมีสุขภาพดี (อาโรคยะ) สุขภาพกาย มีอยู่ในระดับ “น้อย”
จากการหาค่าแปรปรวนในการเพื่อค่าความแตกต่างระหว่างกลุ่มเข้าร่วมพิธีกรรมพระพุทธศาสนา และไม่เข้าร่วมพิธีกรรม ต่อการดำรงชีวิตตามหลักธรรมวัฒนมุข ๖ ได้จากค่าเฉลี่ยของตัวแปรตาม ๖ ด้าน เมื่อใช้สถิติ t –test ในการหาค่าความแตกต่างระหว่าง ๒ กลุ่ม พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ แสดงว่า ผลของการเข้าร่วมพิธีกรรทางพระพุทธศาสนามีผลต่อการดำรงชีวิตตามหลักวัฒนมุข ๖ นักเรียนมัธยมศึกษา
|