บทคัดย่อ
สังคมโลกเปลี่ยนแปลงไป มีความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุอย่างมาก คนยุคใหม่ และเยาวชนจึงแลดู เหินห่างวัด และการปฏิบัติ ทางพระพุ ทธศาสนา จึงสนใจศึกษาเจตคติของเยาวชนที่มีต่อพระสงฆ์ ประชากรเป็นเยาวชนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๐ กลุ่มตัวอย่างเป็นเยาวชนในสถานศึกษาเอกชน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ในจังหวัดอุบลราชธานี ๓๐๖ คน ซึ่งสุ่มแบบแบ่งชั้น(Stratified Random Sampling) ตามสัดส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบเจตคติระหว่างกลุ่มตัวแปรอิสระด้วยt-test กับ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวผลการวิจัยพบว่า
เยาวชนที่ศึกษาเป็นเพศชายร้อยละ ๔๓.๘ เพศหญิงร้อยละ ๕๖.๒ ส่วนมากอายุระหว่าง ๒๒ – ๒๕ ปีร้อยละ ๗๐.๖ กำลังเรียนชั้นปีที่ ๒ ร้อยละ ๕๔.๒ และชั้นปีที่ ๑ ร้อยละ ๔๕.๘ ผู้ปกครองจำนวนมากสุดร้อยละ ๔๐.๘ ทำเกษตรกรรม รองลงมาร้อยละ ๓๐.๔ รับจ้างทั่วไป ทำธุรกิจส่วนตัวร้อยละ ๑๗.๐ และรับราชการมีเพียงร้อยละ ๑๑.๘
โดยรวมเยาวชนมีเจตคติที่ดีมาก ทั้งความรู้สึก ความคิดเห็น และพฤติกรรมต่อพระสงฆ์ มีระดับคะแนนเฉลี่ยเจตคติ ๓.๘๑, ๓.๘๗ และ ๓.๙๓ ต ตามลำดับจากเต็ม ๕ คะแนน เยาวชนที่ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้างทั่วไปมีเจตคติที่ดีต่อพระสงฆ์ ทั้งความรู้สึก ความคิดเห็นและพฤติกรรม มากกว่าเยาวชนที่ผู้ปกครองมีอาชีพเกษตรกรรม ธุรกิจส่วนตัว และรับราชการ ส่วนเยาวชนที่มีเพศ อายุ และชั้นปีที่เรียนต่างกันมีเจตคติต่อพระสงฆ์โดยรวมและทั้ง ๓ ด้านไม่แตกต่างกัน
ดาวน์โหลด |